โชคดีกันเกือบถ้วนหน้าครับ ตาไข ที่ พระพุทธบาทบัวคำ ให้  88

คุณจ่าวัฒน์โทรมาจอง 20 ชุด รอ ราคาก่อนครับ ได้จองแน่ คิดให้ดี เอาแน่ ๆๆจองแล้วจ่ายเลยครับปลุกเสก ไตรมาส หมดแล้วหมดเลย ตอกโค๊ด ทุกองค์หลังจองราคาเปลี่ยนเหมือนเดิม หลวงพ่ออธิฐานจิตแล้ว ไม่มีแจกครับ

ได้รูปแบบ และคาถาที่ จะลงที่ งั่งแล้วครับ รออีก ไม่นาน

คนยุคเก่า เคยเล่าให้ฟังว่า งั่ง มีตัวผู้ตัวเมีย ถ้าจับแยกกัน หรือว่าลืมตัวใดคัวหนึ่งไปด้วย ก็จะกลับมาหากันเองที่ บ้าน เท็จจริงอย่างไร ไม่เคยเห็น จะเห็นก็คราวนี้แหละ หลวงพ่่อท่านบอก มีในตำรา บางคนก็เอาไปไว้ที สกปรก ที่ ต่ำๆ หลวงพ่อบอกว่า งั่ง โนนสว่าง ให้ห้อยคอ ครับ หลวงพ่อจะทำให้ ลูกศิษย์ ไว้ใช้ หาเงิน เป็นเมตตามหานิยม จะลง คาถา พระคุณแม่ ด้วย ครับ(เป็นคงกระพัน)

สวัสดีครับ ช่วงนี้อากาศร้อนเป็นพิเศษครับ ผมได้มีโอกาสไปกราบหลวงพ่อ และพักที่วัด 3-4 วัน กลางวันอากาศร้อนมาก ถึง มากที่สุดก็ว่าได้ครับ ดีหน่อยที่ตอนเย็นลมสบาย มีอบอ้าวบ้างตอนหัวค่ำ แต่พอดึกๆ มาก็เย็นสบาย ผมพักที่วัด 3 คืน 4 วัน (ฟังดูเหมือนแพ็กเกตเที่ยวยังไงไม่รู้ครับ) แปลกมากฝนตกทั้งสามคืน มีพี่ท่านหนึ่งบอกว่าเจ้ามาวัด 3 วัน ฝนตกทั้งสามวันเลยนะ นึกในใจยังดีที่ฝนตกไม่งั้นคงคิดว่าผมเป็นพ่อแล้งแน่ๆ ครับ....  
           พูดซะเยิ่นเย้อ เอาภาพเล็กๆ น้อยๆ มาฝากท่านadmin ใหญ่ admin.Coke และพี่ๆ น้องๆ ชาววัดโนนดอทคอมกันครับ สวยบ้างไม่สวยบ้างก็ให้อภัยด้วยนะครับ แม้จะหัดถ่ายมานานแต่ก็ยังไม่ค่อยพัฒนาซักเท่าไหร่ครับ ไปครั้งนี้ถือว่าคุ้มค่ามากครับ ได้ไปนอนที่วัดนานหน่อย ได้พักใจพักผ่อนสมองอย่างเต็มที่ แต่ถ้าใครคิดว่าจะไปพักผ่อนกายละก้อ...ขอบอกว่าอย่าไปที่วัดโนนสว่างครับ เพราะท่านจะไม่ได้พักหรอก งานมีให้ช่วยทำเพียบ(เว้นแต่ว่าท่านจะไม่ทำ นั่นได้พักแน่นอน)
           ผมไปถึงบ่ายๆ วันที่ 31 มีนาคม คนมาวัดเยอะเหมือนเดิม แต่ดูท่าทางหลวงพ่อท่านจะยังไม่หายเหนื่อยจากงานบุญที่วัดพระบาทบัวคำซักเท่าไหร่ครับ ก็ยังไม่กล้ารบกวนท่านซักเท่าไหร่ ไปถึงท่านก็เรียกไปเอาของที่ท่านสั่งให้ทำ และแนะนำวิธีการฯ แต่ที่แปลกใจที่สุดคืองานบุญพระเวศฯ เสร็จไปแล้วแต่ยังมีต้นกันฑ์หลอน ตั้งอยู่ที่ตู้บูชาและโต๊ะลานหน้าวัดอีกหลายต้น สอบถามได้คำตอบว่า เป็นกันฐ์หลง บางคนบอก กันฐ์ลืม ....เป็นงงสิครับไม่เคยรู้ ไม่เคยทราบมาก่อนว่ามีแบบนี้ด้วย มีคนอธิบายว่า เป็นการทำเพราะว่าบางทีมีคนเขาตั้งใจมาทอดกันฐ์หลอน แต่มีเหตุจำเป็นบางประการทำให้มาไม่ทัน หรือลืมวันบุญแต่พอนึกได้ก็ทำต้นกันฐ์หลอนมาจะถวายกลับกลายเป็นเลยวันมาแล้ว จึงเรียกต้นกันฐ์หลงหรือกันฐ์ลืม นั่นเองครับ 555 เห็นไหมละครับว่าผมไปวัดทีอาจจะนานๆแต่ก็ได้ความรู้มาฝากด้วย แต่เดี่ยวจะกราบเรียนถามหลวงพ่อท่านดูอีกทีว่ามันเป็นแบบนี้หรือเปล่าครับ จะนำมาเล่าให้ฟังในโอกาศหน้าครับ
           พูดเยิ่นเย้อมาซะนานแล้วครับ เข้าเรื่องเลยละกันครับ

         เย็นวันที่ 31 มีนาคม 2556 หลังจากหลวงพ่อเขากุฏิพักผ่อน เวลาก็ประมาณ 18.00 น. ประมาณนี้หละครับ ผมก็ลืมดูนาฬิกา อยู่ดีๆ ก็มีพี่ผู้ชาย 2 คน ยกกล่อง 7-10 ใบ เดินมาวางซ้อนกันไว้ที่หน้าห้องธรรม ตรงที่หลวงพ่อนั่งรับญาติโยม มีเครื่องบูชา และเห็นคุ้นๆ ตา แมงมุมครับ แต่ตัวใหญ่มาก วางอยู่บนกล่องหลายตัว พอพี่เขาจัดวางของเสร็จก็จัดวางเครื่องบูชา เหมือนพิธีปลุกเสก ก็เลยสอบถามพี่เขาได้ความว่า เป็นวัตถุมงคลของหลวงปู่สุภา กันตสีโล ให้พี่เขาเอามาขอเมตตาหลวงพ่อนั่งปรกอธิษฐานจิตปลุกเสกเดี่ยวให้ครับ บอกว่าหลวงปู่สั่งเด็ดขาดมาว่ายังไงก็ต้องขอเมตตาท่านให้ได้ (นึกในใจนี่หลวงพ่อเราดังใหญ่แล้ว ขนาดหลวงปู่สุภา เอาวัตถุมงคลมาให้หลวงพ่อเรานั่งปรกให้ด้วย...) หลวงพ่อนั่งปรกให้นานมาก คร่าวๆ ก็น่าเป็นชั่วโมงนะครับผมว่า หลังปลุกเสกเสร็จหลวงพ่อได้เมตตาจารเหรียญเงินให้หลายเหรียญครับ  ผู้มาปลุกเสกถวายเหรียญหลวงพ่อหลายรายการ รวมถึงพระผงปิดตาตามรูปสุดท้ายด้วย และหลวงพ่อท่านเมตตาแจกมาคนละองค์ 2 องค์ หลังจากนั้นหลวงพ่อก็เล่าประวัติหลวงปู่สุภาให้ฟัง ว่าเป็นพระครูบาอาจารย์ใหญ่อีกท่านหนึ่งที่ยังเหลืออยู่ในประเทศไทย ซึ่งท่านอายุยืนมากฯ
         เดี่ยวมาดูรูปกันครับ (ต้องขออภัยมา ณ โอกาสนี้ครับ รูปถ่ายต่างๆ ที่ผมถ่ายไม่ค่อยใช้แฟลชกลัวไปรบกวนสมาธิของหลวงพ่อท่าน อาจจะเบรอไปบ้างนะครับ)
          

          วันที่ 1 มีนาคม ตอนเย็น ลูกศิษย์ลูกหาก็รวมตัวกัน นิมนต์หลวงพ่อขึ้นวัดภูพระบาทบัวคำ เพื่อถวายต้นกันฐ์หลง หรือกันฐ์ลืม ก็แล้วแต่ใครจะเรียกก็แล้วกันครับ ผมไปทีหลังเพราะรอพี่ ปณ.มารับ เพราะมีเรื่องจะคุยกันพอสมควร ไปทันกำลังไหว้พระพอดี หลังพิธีก็มีการรำแคนถวายหลวงพ่อด้วย สนุกไปอีกแบบครับ เพราะเป็นการลำแบบไม่ต้องใช้กลอง กีต้าร์ เครื่องดนตรีสมัยใหม่ใดๆเลยครับ มีแค่แคนลำเดียวเท่านั้น กับกลองโทนหรือเปล่าไม่แน่ใจ ถ้าเรียกชื่อผิดก็ขออภัยครับ ผมจำได้การลำแบบนี้มันหายไปจากภาคอีสานนานแล้ว เพราะโดนหมอลำซิ่งมาทดแทน สมัยผมเป็นเด็กเคยไปดูหมอลำกับยายเราก็ไปนอนหลับบนตักยายเพราะฟังไม่ค่อยจะรู้เรื่องไม่สนุกเหมือนดูหนัง อะไรก็ไม่รู้มีแต่แคนกับกลองใบเล็กๆ ใบหนึ่ง กับหมอลำ 2 คน ฝ่ายหญิ่งกับฝ่ายชาย ร้องแก้กัน ลำไปด้วยกระทืบพื้นไปด้วย ทุกวันนี้หาดูยากแล้วครับ
          ซึ่งเงินถวายกันฐ์หลงกันลืม รวมทั้งเงินต่อยอดแล้วเป็นเงิน 63,057 บาท หลวงพ่อทำบุญด้วย 35,000 บาท (พี่ ปณ. นำไปถวายเป็นเงินจากที่ให้ร่วมบุญบูชาลูกอมยอดคงเหลือ) รวมเป็นเงินทั้งหมดบุญพระเวศฯ วัดพระพุทธบาตรบัวคำ เป็นเงิน 1,147,855 บาท(ยังไม่รวมเหรียญ หลวงพ่อแจ้งยังไม่ได้นับ "เหรียญยังบ่เอามารวม ขี่ค้านนับ")
          ทำบุญวัดใหม่ปีแรก มีเงินเข้าเป็นล้านครับ ก็โมทนาสาธุกับท่านที่ร่วมบุญครั้งนี้ด้วยครับ
          หลังจากถวายเสร็จก็แยกย้ายกันเดินทางกลับ ตอนจะกลับฟ้าฝนก็เริ่มตั้งเค้า เริ่มมีลมพัดแรงขึ้น คิดว่าคงตกก่อนกลับถึงวัดแน่ๆ เหมือนฟ้าฝนเป็นใจครับ หลังจากเดินทางไปถึงวัด หลวงพ่อเดินก้าวเท้าเข้ากุฏิฝนก็ลงเม็ดทันที เป็นที่อัศจรรย์ใจอย่างยิ่งครับ

แจ้งคุณเอ๋อีซูซุ ชื่อคาถา จะเขียนให้ทีหลังนะครับ(สุวิชา) ลูกชายขอไปทั้งหมด จะส่งอีเมล์มาให้ทีหลัง ต้องขออภัย แต่ได้แน่นอน

ภาพวัตถุมงคลรุ่นพิเศษสุดๆ มีจำนวนจำกัดครับ มีรายชื่อผู้ครอบครองแน่นอนครับ ไม่ต้องกลัวคนแอบอ้าง ดูรายชื่อได้ที่กระทู้รอยพระพุทธบาทฯ ได้ครับ

ตามสัญญาครับ วันนี้เป็นวันที่ 2 มีนาคมครับ ช่วงบ่ายมีกิจนิมนต์ของหลวงพ่อไปฝังหลักบ้านให้ชาวบ้าน บ้านสวนมอญ อ.กุมภวาปี แถวๆ เขื่อนลำปาวนี่หละครับผมก็ไม่ค่อยจะรู้ทางแถวๆ นั้น
        เดินทางออกจากวัดก็ประมาณ บ่าย 2 โมงกว่าๆ ไปถึงหมู่บ้านก็ราวๆ บ่าย 3 ครึ่ง พอเลี้ยวรถเข้าหมู่บ้าก็มีเรื่องให้แปลกใจกันทันทีครับ สายสิญจ์สีขาวพาดสวนกันไปมาเต็มไปหมด ที่แปลกก็คือไม่มีการต่อเชื่อมกันแม้แต่เส้นเดียว โยงเข้าบ้านใครบ้านมัน คิดดูครับว่าจะใช้สายสิญจ์เยอะขนาดไหน คนในรถพูดคุยกันต่างคนก็ต่างความเห็นครับ มีพี่ท่านหนึ่งพูดขึ้นว่านี่มันยิ่งกว่าใยแมงมุมอีกนะเนี่ยะ มองๆ ไป..เออ...มันก็ใช่อย่างที่พี่เขาว่านะ นี่สงสัยแมงวันบินผ่านนี่ติดกันหมดแน่ๆ ครับ เสียดายไม่ได้ถ่ายภาพให้ดูกันครับ ลืมสนิทเลยมัวแต่ตื่นตาตื่นใจอยู่ครับ(พอเข้าไปถึงหมู่บ้านสอบถามดูชาวบ้านอธิบายให้ฟังว่ามันเป็นความเชื่อของชาวบ้าน ว่าจะไม่ต่อของพวกนี้ มันไม่เป็นมงคล ก็อืม..แปลกดีครับ แล้วแต่ความเชื่อแล้วกันครับ ไม่ว่ากัน ขอแต่ไม่ทำให้ใครเดือดร้อนก็พอแล้วครับ) เข้าไปถึงศาลากลางหมู่บ้านชาวบ้านรอเต็มไปหมด มีกระทงทำเป็นช่องๆ ทำด้วยกาบของต้นกล้วยข้างในมีของคาวหวาน จีบหมากจีบพลู และอื่นๆ เต็มไปหมด เรียนถามหลวงพ่อว่าเขาเอามาทำไม ท่านบอกว่าเขาเลี้ยงผี ถึงบางอ้อครับ (กล่าวความก่อนครับ หมู่บ้านนี้ก่อนที่จะนิมนต์หลวงพ่อมา เขาบอกว่ามีคนตายติดต่อกันหลายศพ ซึ่งการตายของแต่ละศพไม่เป็นปกติ และแต่คนที่เสียชีวิตต่างสุขภาพแข็งแรง และสภาพของร่างกายมีรอยเขียวคล้ำเป็นจุดๆ ตามลำตัว ลำคอ และที่อื่นๆ ทำให้ชาวบ้านเชื่อกันว่าเป็นผีทำ บ้างก็ว่าผีปอบ บ้างก็ว่าผีแม่ม่าย บ้างก็ว่าผีตาปู่ ผีตายโหง และผีอื่นๆ ตามความเชื่อ จึงได้นิมนต์หลวงพ่อมาปัดเป่าสิ่งไม่ดีเหล่านี้ เพื่อให้ชาวบ้านอยู่กันอย่างสงบสุข)
        ไปถึงหลวงพ่อท่านก็จัดเตรียมพิธี และเทศสั่งสอนชาวบ้านให้เชื่อในพระพุทธศาสนา ไม่ไปหลงในสิ่งลี้ลับ ผี สาง ฯลฯ ให้เชื่อในคุณพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ให้เลิกเลี้ยงผี ไม่ว่าจะเป็นผี้บ้าน ผีเรือน ผีปู่ตา ผีฟ้า หรือผีอะไรทั้งสิ้น ให้หยุดหมด ไม่อย่างนั้นท่านจะไม่ช่วย ซึ่งชาวบ้านก็ยินดีจะปฏิบัติตาม และรับปากหลวงพ่อท่าน หลังจากนั้นท่านก็ทำพิธี ซึ่งเป็นในครั้งนี้ถือว่าเป็นครั้งแรกของผมที่ได้เข้าร่วมพิธีแบบนี้ของหลวงพ่อ ตื่นเต้นมากครับ แต่ที่ดีใจสุดๆก็คือครั้งนี้หลวงพ่อท่าน เป็นคนเริ่มสวดบทหลัก "ฟ้าสมั่งปราบผี" ซึ่งทุกคนในพิธีต่างขนลุกซู่ มีเสียงจากพี่ที่ไปด้วยกันว่า "นี่หลวงพ่อไม่ค่อยสวดเลยนะ ส่วนมากจะเป็นพระลูกสวด ที่ต้องสวด " แต่ครั้งนี้หลวงพ่อท่านสวดเริ่ม เป็นบุญตา บุญหู และเป็นศิริมงคลแก่ผม พี่ๆ ที่ไปด้วยกัน รวมไปถึงชาวบ้านด้วยครับ
        พิธีการเป็นไปอย่างเข้มขลัง ตามสูตรแบบฉบับที่เป็นเอกลักษณ์ของหลวงพ่อ และวัดโนนสว่าง ที่ไม่มีใครเหมือนและไม่เหมือนใคร ซึ่งบางสิ่งบางอย่างคนไม่เชื่อก็ว่างมงาย แต่หลวงพ่อท่านไม่ถือโทษโกรธ เพราะท่านทำเพื่อเผยแพร่พระพุทธศาสนา ตามหลักคำสอนของพุทธองค์ ให้คนเลิกเชื่อผีสาง หันมาทำบุญ เข้าวัดฟังธรรม (ก็แล้วบุคคลจะพิจารณากันนะครับ) (มาถึงตรงนี้ผมนึกถึงคำพูดของหลวงปู่ทองมา ถาวโร ซึ่งเป็นปู่ใหญ่ที่ชาวร้อยเอ็ดเครพนับถือมาก และก็เป็นครูบาอาจารย์ที่ผมเคารพมากอีกท่านหนึ่งครับ สมัยผมเป็นเด็กท่านก็ทำภาพกิจเฉกเช่นหลวงพ่อเจริญท่านกำลังทำอยู่นี้หละครับ หลวงปู่ทองมาท่านบอกว่าภารกิจปราบผี ซึ่งสมัยนั้นหลวงพ่อทองมาท่านก็โดนคำกล่าวหามากพอสมควร จนถูกคณะสงฆ์ตังกรรมการสอบ ว่าไม่สนใจกิจของสงฆ์ ทำให้ชาวบ้านหลงงมงายกับผีสางเทวดา ไล่ผี ไล่เจ้า ซึ่งหลวงปู่ทองมาท่านบอกว่าท่านสอนให้คนเลิกถือผี หันมานับถือพระพุทธศาสนา เข้าวัดฟังธรรมมันผิดด้วยหรือ ซึ่งทางคณะสงฆ์ก็ยอมรับแต่โดยดี (เคยกราบเรียนถามหลวงพ่อท่านว่าท่านรู้จักหลวงพ่อทองมาหรือเปล่า ท่านบอกว่ารู้จัก ท่านบอกหลวงพ่อทองมาเก่งเรื่องปราบผี และเรียนวิธีมาจากสายอาจารย์เดียวกันครับ ส่วนใครสนใจก็หาอ่านประวัติกันดูครับ))
        ก็กว่าพิธีจะเสร็จก็ปาเข้าไปทุ่มกว่าๆ แล้วครับ เดินทางกลับถึงวัด นั่งซักพัก หลวงพ่อท่านก็สรงน้ำเข้าจำวัด วันนี้เป็นอีกวันหนึ่งที่ฝนตกอีกตามเคยครับ