พระศรีรัตนสักยมุนี
(หลวงพ่อบุษราคัม)

 

 

 

ประวัติพระศรีรัตนสักยมุนี
(หลวงพ่อบุษราคัม)
พระประธานในอุโบสถ วัดโนนสว่าง บ้านโนนสว่าง ตำบลหมากหญ้า
อำเภอหนองวัวซอ จังหวัดอุดรธานี

เมื่อ พระครูพิพัฒน์วิทยาคม (พระอาจารย์เจริญ ฐานยุตฺโต) ได้ทำการก่อสร้างอุโบสถ มาเป็นเวลาเกือบ ๔ ปี ใกล้จะแล้วเสร็จ จึงมีดำริที่จะหล่อองค์พระประธานประจำอุโบสถเริ่มแรกนั้นไม่มีการเฉพาะ เจาะจงลงไปว่าจะหล่อพระขนาดไหน หน้าตักเท่าไร ปางอะไรและหล่อด้วยวัสดุอะไร จนกระทั่ง ปลายปี พ.ศ ๒๕๔๖ ประมาณต้นเดือนธันวาคม หลวงพ่อและคณะศิษยานุศิษย์ได้เดินทางจากจังหวัดอุดรธานี เพื่อไปร่วมงานวันเกิดหลวงพ่อไพบูลย์ หรือ พระราชสังวรญาณ แห่งวัดอนาลโยทิพยาราม ดอยบุษราคัม อำเภอเมือง จังหวัดพะเยา โดยคณะได้พักค้างแรมที่วัดแห่งนั้นเป็นเวลา ๑ คืน จนกระทั่งงานแล้วเสร็จจึงเดินทางกลับมาที่วัดโนนสว่าง หลังจากนั้นได้ประมาณ ๒-๓ วัน เวลากลางคืน พระครูพิพัฒน์วิทยาคมได้นิมิตที่ปรากฏขึ้นมาในดวงธรรม ซึ่งได้เล่าให้ฟังว่าคืนนั้นนิมิตเห็นพระพุทธเจ้า ๓ พระองค์เสด็จเข้ามา โดยมีพระพุทธลักษณะงดงามประกอบด้วยพระมหาปุริสลักษณะ แต่แปลกตรงที่พระองค์มีเครื่องทรงแบบกษัตริย์ ทูลถามว่า พระองค์เสด็จมาจากไหนตรัสตอบว่า มาจากดอยอนาละโย มาชุ่ม มาเย็นพลันก็เสด็จลงประทับ ณ วัดโนนสว่าง บริเวณที่สร้างอุโบสถ
ต่อมามีมังกร ๒ ตัว ตามมาถวายอารักขาพระพุทธองค์ เห็นดังที่กล่าวมานี้ จึงเล่าให้ศิษยานุศิษย์ฟัง ต่อมาจึงเริ่มการสร้างพระประธาน โดยติดต่อโรงหล่อเพื่อให้เริ่มปั้นหุ่นขี้ผึ้ง ช่างปั้นได้ทำการปั้นขี้ผึ้งจนแล้วเสร็จเป็นพระพุทธปฏิมากรที่งดงาม ถามช่างว่า ได้แบบมาจากไหนช่างกล่าวว่าขณะปั้นนั้นอธิษฐานจิตขอพรพระเพื่อให้ปั้นออกมาตามที่หลวงพ่อต้องการในขณะออกแบบนั้นคิดถึงพุทธศิลปะสมัยสุโขทัยและสมัยลานช้างโดยคิดถึงพุทธลักษณะของหลวงพ่อพระใส วัดหลวงพ่อพระใสอำเภอเมืองจังหวัดหนองคาย และครั้งนี้หลวงพ่อให้ปั้นพระพุทธรูปปางเดียวกันอีกประมาณ ๖ องค์ ขนาดหน้าตักประมาณ ๓๐ นิ้ว จำนวน ๒ องค์ ขนาดหน้าตัก ๑๖ นิ้วอีก ๔ องค์ และยังให้ปั้นพระอัครสาวก คือ พระสารีบุตรเถระ และ พระมหาโมคคัลลานะเถระ ปางยืนถือพัดซ้ายขวาองค์พระประธาน ความสูงประมาณ ๒ เมตรกว่าจำนวน ๒องค์การปั้นครั้งนี้ทั้งหมดทำที่ วัดโนนสว่าง บริเวณข้างอุโบสถด้านซ้ายมือพระประธานนั้นเองรวมการหล่อครั้งนี้ทั้งหมด ๗ องค์
เมื่อปฏิมากรปั้นหุ่นขี้ผึ้งพระเสร็จแล้ว พระครูพิพัฒน์วิทยาคมกล่าวว่า พระพุทธปฏิมากรชุดนี้เป็นพระทรงเครื่องกษัตริย์ ผู้ที่จะมาเททองหล่อท่านต้องเป็นผู้มีบุญญาธิการมาก หรือต้องเป็นเชื้อพระราชวงศ์จึงได้ทำหนังสือกราบทูลเชิญ เสด็จทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริโสภาพรรณวดี และในวันที่ ๒๙ มกราคม พ.ศ. ๒๕๔๘ ได้เสด็จพระราชดำเนินเป็นประธานในพิธีเททองหล่อองค์พระประธานวัดโนนสว่าง และในการนั้นได้เสด็จทรงเยี่ยมพสกนิกรชาวบ้านโนนสว่าง อำเภอหนองวัวซอ จังหวัดอุดรธานี อันนำมาซึ่งความปิติยินดีของพสกนิกร และพุทธศาสนิกชนทั่วไปอย่างหาที่สุดมิได้ เมื่อเสร็จจากขั้นตอนการเททองหล่อพระแล้ว ทางวัดให้โรงหล่อหาช่างแต่งและขัดองค์พระที่วัดเพราะจะได้ดูแลการตกแต่งผิวพระอย่างละเอียดและให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อยตามวัตถุประสงค์ โดยช่างได้นำองค์พระทั้งหมดไปรวมไว้เพื่อทำการแต่งผิว ณ บริเวณหลังศาลาการเปรียญหลังเก่า ใกล้กับต้นโพธิ์ใหญ่ และเริ่มทำการปลอกผิวพระซึ่งการหล่อครั้งนี้ยังมีส่วนที่ผิวไม่เต็ม และ บางแห่งมีรอยรานคล้ายรอยปูไต่ ซึ่งช่างแจ้งกับทางวัดว่าเป็นธรรมดาของ
การหล่อพระเนื้อสัมฤทธิ์
เมื่อแรกที่ช่างทำการปลอกผิวพระเพื่อเจียรผิวพระให้เรียบนั้นผิวพระมีวรรณะออกแดงส้มปนชมพูสวยงามมาก ส่วนไหนที่ไม่เต็มช่างก็ทำการเชื่อมโลหะให้เต็มแล้วขัดแต่งผิวให้เรียบ ส่วนไหนมีรอยรานช่างก็เชื่อมซึ่งมีลักษณะคล้ายการโป้วแล้วขัดแต่งให้เรียบเป็นเนื้อเดียวกันในขั้นตอนดังกล่าวจะมีเนื้อชนวนพระที่ตัดออกมาจำนวนมากซึ่งทุกวันช่างจะต้องทำการเก็บเนื้อชนวนไว้ส่งให้จารย์ชู(ผู้ดูแลความเรียบร้อยในวัดโนนสว่างทั้งหมด)ไปเก็บรักษาไว้ มีเรื่องเล่าลือกันว่า วันหนึ่งเจ้าของร้านขายของเก่ามาบอกจารย์ชูมีคนนำเนื้อชนวนสัมฤทธิ์มาขายชั่งเป็นกิโลกรัม จารย์ชูจึงขอซื้อคืนในราคา ๓,๐๐๐ บาท โดยเจ้าของร้านบอกว่านี่เป็นแค่ส่วนปลีกย่อยเล็กน้อย เพราะส่วนใหญ่จำนวนพอสมควรนั้น หลังจากรับซื้อมาจากผู้ที่เอามาขายแล้วก็ทำการขายต่อไปยังโรงงานรับซื้อของเก่าเจ้าใหญ่แล้ว จึงพอสรุปได้ว่ามีการลักชนวนวัดไปขายโดยบุคคลคนหนึ่งที่เกี่ยวข้องกับการขัดแต่งพระโดยวัดไม่ทราบเรื่องเมื่อ พระครูพิพัฒน์วิทยาคม ทราบเรื่องท่านก็ไม่แสดงกิริยาอนาทรร้อนใจแต่ประการใด เพียงแต่กล่าวให้ฟังว่า หลวงพ่อบุษราคัมท่านศักดิ์สิทธิ์ใครกราบไหว้บูชาจะมีแต่ความเจริญรุ่งเรือง หากใครมีเจตนาไม่ดีแล้วลักชนวนที่ตัดออกมาจากองค์ท่านไปขาย ต้องมีอันเป็นไปอย่างไม่ต้องสงสัย ขอให้ดูกันต่อไป
เมื่อช่างทำการแต่งผิวพระมาเป็นเวลาเกือบครึ่งเดือนก็แจ้งทางวัดว่างานเสร็จเรียบร้อยแล้วจึงอัญเชิญขึ้นประดิษฐานยังอุโบสถโดยใช้รถเครน เมื่อแล้วเสร็จทุกขั้นตอนแล้ว พระครูพิพัฒน์วิทยาคม จึงให้ช่างมาทำการลงรักปิดทองและได้พลอยบุษราคัมจำนวน ๑ เม็ด ซึ่งจัดหาถวายโดยคุณชินวัตร นำมาปิดถวายบริเวณกลางพระนลาฏ ฐานชุกชีพระบริเวณผ้าทิพย์มีพระนามาภิไธยย่อของทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริโสภาพรรณวดีพระราชสังวรญาณ (พระอาจารย์ไพบูลย์ สุมงฺคโล) วัดอนาลโยทิพยาราม ดอยบุษราคัมอำเภอเมือง จังหวัดพะเยา ซึ่งเป็นพระเถระที่พระครูพิพัฒน์วิทยาคมให้ความเคารพนับถือและได้เมตตาเดินทางจากพะเยามาเยี่ยมวัดโนนสว่างเป็นประจำทุกปี ได้ถวายพระนามพระประธานองค์นี้ว่า พระศรีรัตนสักยมุนี) และเรียกขานพระนามท่านโดยทั่วไปว่า หลวงพ่อบุษราคัมซึ่งพระครูพิพัฒน์วิทยาคมกล่าวเสมอๆ ว่าต่อไปพระพุทธปฏิมากรพระองค์นี้จะเป็นที่เคารพสักการะของประชาชนโดยทั่วไป
ทุกวันจะมีพุทธศาสนิกชนและประชาชนทั่วไปทั้งที่เดินทางจากจังหวัดอุดรธานีและจากทั่วประเทศเดินทางไปถวายสักการะพระประธานในอุโบสถเป็นประจำ โดยมากจะไปขอพรท่านเพื่อความเป็นสิริมงคลและความเจริญรุ่งเรืองในชีวิต ซึ่งการบูชาก็มีเครื่องบูชา ขันธ์ ๕ ขันธ์ ๘ พวงมาลัย หรือบางคนก็ถวายต้นเทียน หรือแม้กระทั่งต้นเงินเป็นกองผ้าป่าเล็กๆ ถวายท่านเนื่องจากเคยไปขอพรแล้วได้รับความสุขความเจริญต่างๆ บางคนก็ไปนั่งสมาธิหน้าองค์พระเพื่อของอาราธนาดวงศีลดวงธรรมคุณพระรัตนตรัยมาเพื่อความเป็นสิริมงคลแก่ตนเอง เป็นต้น ซึ่งทุกคนจะกล่าวคำบูชาดังต่อไปนี้

คำบูชาพระศรีรัตนสักยมุนี
(หลวงพ่อบุษราคัม)

นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ ( ๓ จบ)

สักยะมุนี จะ สัมพุทโธ โลกะนาโถ นะราสะโภ

เอวัง ปัญญาคุโณ เสฏโฐ ปะริสุทธิคุโณ วะโร

กะรุณาธิคุโณ จัคโค ติปปะเภทา วิเสสโตฯ

ข้าพเจ้าขอนอบน้อมแด่ หลวงพ่อบุษราคัมผู้ทรงเป็นที่พึ่งของ สรรพสัตว์ผู้ทรงประกอบด้วยพระคุณอันประเสริฐยิ่งทั้ง ๓ คือ พระปัญญาธิคุณ พระบริสุทธิคุณและพระกรุณาธิคุณ ขอความ เจริญด้วยอายุ วรรณะ สุขะพละ ปฏิภาณธนสารสมบัติ จงบังเกิด มีแก่ข้าพเจ้าในกาลบัดนี้ด้วย เทอญ.